QUOTE 

สอนทำน้ำยาซักผ้า ผงซักฟอกสำหรับเครื่องฝาหน้า

cxay

1. ประหยัดคูณสองด้วยการซักมือ
ลำพังแค่โยนผ้าลงเครื่องแล้วรอตากหลายคนก็บอกว่าขี้เกียจแล้วขี้เกียจอีก แต่ถ้าคุณลองซักผ้าด้วยมือ นอกจากจะได้ออกกำลังกายสลายแคลอรี่แล้ว การซักผ้าด้วยสองมือของเราเองยังเป็นการถนอมเนื้อผ้าอีกทางหนึ่ง ทำให้เราซักผ้าได้สะอาดหมดจดมากกว่าเครื่องตั้งหลายสิบเท่า ที่สำคัญยังช่วยประหยัดพลังงานทั้งน้ำและไฟไปได้อีกมากโข อย่างน้อยก็ประมาณ 20% ของพลังงานน้ำและไฟที่ใช้ในบ้านเลยเชียวล่ะ
2. ตากแดดจัด ๆ แทนการอบ
ถ้าเสื้อผ้าของคุณไม่ได้หนามาก แถมสภาพอากาศข้างนอกยังมีลมพัดเบา ๆ พร้อมแสงแดดที่แรงจ้า อย่างนี้คงดีกว่าถ้าจะเมินเครื่องอบผ้าแล้วสะบัดผ้าตากแดดแทนซะเลย ซึ่งก็จะทำให้เนื้อผ้าคลายความยับยู่ยี่ได้จากแรงที่เราสะบัด อีกทั้งการนำผ้าออกไปตากกับแดดจ้า ๆ และแรงลมยังเป็นการเปิดโอกาสให้เนื้อผ้าได้รับการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก ผ้าขาวก็จะขาวสว่างมากขึ้น ผ้าสีก็จะหอมกรุ่นโดยไม่ต้องพึ่งน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ไหน
3. เครื่องซักผ้าฝาหน้าประหยัดน้ำไฟกว่าเยอะ
คุณ ๆ ทราบกันไหมคะว่า เครื่องซักผ้าฝาหน้าจะช่วยประหยัดพลังงานน้ำได้ถึง 38% พร้อมทั้งลดการใช้ไฟได้มากกว่า 58% เลยทีเดียว ซึ่งก็หมายความว่าเครื่องซักผ้าชนิดฝาหน้าสามารถช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าเครื่องซักผ้าชนิดฝาบนอย่างแน่นอนใช้คู่กับ ผงซักฟอกสำหรับเครื่องฝาหน้า แต่ถ้าตอนนี้คุณยังใช้เครื่องซักผ้าฝาบนอยู่ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพียงแต่ถ้าเมื่อไรต้องซื้อเครื่องซักผ้าเครื่องใหม่ ลองพิจารณาเครื่องซักผ้าชนิดฝาหน้าบ้างก็ได้ แล้วอย่าลืมมองหาเครื่องหมายเบอร์ 5 ด้วยนะจ๊ะ เป็นวิธีการอนุรักษ์น้ำ 

4. เลือกเครื่องอบผ้าที่คุ้มค่า
จริง ๆ แล้วเครื่องอบผ้าไม่ได้มีความจำเป็นมากนักกับทุกคน เพราะอากาศอย่างบ้านเราไม่ได้ชื้นตลอด สามารถตากผ้าให้แห้งสนิทได้แม้ไม่ต้องผ่านกระบวนการอบ แต่หากใครที่มีความจำเป็นต้องอบผ้าเป็นประจำ ควรเลือกเครื่องอบผ้าที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับความชื้นภายในตัวเครื่อง ซึ่งมีไว้ให้เรากำหนดระดับความชื้น ความแห้งของผ้าที่เราต้องการได้อย่างสะดวก และจะตัดกระบวนการอบผ้าโดยอัตโนมัติ ช่วยประหยัดไฟได้อีกพอสมควร
5. เสริมประสิทธิภาพความสะอาดจากธรรมชาติ
เราสามารถลดปริมาณการใช้น้ำยาซักผ้าได้ครึ่งต่อครึ่งเมื่อผสมเบกกิ้งโซดาประมาณ ½ ถ้วยตวงสำหรับเครื่องซักผ้าฝาบน และ ¼ ถ้วยตวงเมื่อใช้เครื่องซักผ้าฝาหน้า ซึ่งเบกกิ้งโซดาจะเข้าไปเสริมพลังแห่งการซักล้างให้มีประสิทธิมากขึ้น รวมทั้งลดกลิ่นเหม็นอับในเสื้อผ้าได้อีกต่างหาก หรือใครสะดวกจะใช้น้ำส้มสายชูผสมเกลือ และน้ำมะนาวเพื่อช่วยขจัดคราบฝังแน่น และเพิ่มเม็ดสีเสื้อผ้าให้แจ่มว้าวด้วยก็ได้
6. ซักแห้งอย่างเดียว ทำเองที่บ้านก็ได้
เนื้อผ้าบางชนิดควรได้รับการดูแลที่ดีเยี่ยม โดยระบุให้ซักแห้งได้อย่างเดียวเพื่อถนอมใยผ้าและสีของผ้า แต่คุณแม่บ้านไม่จำเป็นต้องส่งไปซักรีดที่ร้านหรอกนะคะ เพียงแค่ผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำเย็น แล้วนำผ้ามาซักโดยขยี้เบา ๆ หรือจะทำแค่จุ่มแช่ผ้าไว้ก็ได้ แต่ทั้งนี้ควรทดสอบกับเนื้อผ้าส่วนเล็ก ๆ ก่อนว่าเบกกิ้งโซดาไม่ได้ทำให้ผ้าซีดแต่อย่างใด
7. น้ำยาปรับผ้านุ่ม ความฟุ่มเฟือยที่ไม่จำเป็น
สำหรับคนที่ติดนิสัยใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มทุกครั้งหลังซักผ้า อาจไม่ทราบว่าในน้ำยาผรับผ้านุ่มก็มีสารสังเคราะห์ที่เป็นอันตรายกับสุขภาพโดยอาจทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะกับผิวที่บอบบางเหมือนผิวเด็ก ฉะนั้นก็สามารถฟันธงได้เบา ๆ เลยว่า น้ำยาปรับผ้านุ่มไม่ได้มีความจำเป็นกับงานซักผ้าของคุณแต่อย่างใด ทว่าหากคุณแม่บ้านรู้สึกตงิด ๆ ที่ไม่ได้ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม ลองเปลี่ยนมาผสมน้ำส้มสายชูกลั่นบริสุทธิ์ลงไปในน้ำยาซักผ้าสัก ½ – ¼ ถ้วยตวงดูก็ได้ค่ะ แค่นี้เสื้อผ้าของคุณก็จะไร้กลิ่นอับกลิ่นเหงื่อ และขาวใสพร้อมสัมผัสที่นุ่มนิ่มไม่แพ้คุณสมบัติของน้ำยาปรับผ้านุ่มเลยเชียว
ตราบใดที่เรายังต้องใส่เสื้อผ้าอยู่ งานซักผ้าก็คงไม่หนีหายไปจากเราอย่างแน่นอน ฉะนั้นเพื่อช่วยลดพลังงานและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กัน ลองนำเคล็ดลับของเราไปปรับใช้บ้างก็ดีนะคะ

แสดงความคิดเห็นที่ 0-0 จากทั้งหมด 0 ความคิดเห็น

CATEGORY

MEMBER

STATISTICS

หน้าที่เข้าชม447,215 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด150,144 ครั้ง
เปิดร้าน1 พ.ย. 2555
ร้านค้าอัพเดท14 ต.ค. 2568

CONTACT US

086-3229440
พูดคุย-สอบถาม